การสร้างรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาภายใต้ความนิยมของผู้อ่านและผู้ชมรายใหม่ ๆ ตลอดจนความต้องการของผู้โฆษณาที่มีความผันผวน ในขณะที่ปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ผู้เผยแพร่โฆษณาได้ลองใช้ทั้งกลยุทธ์การสร้างรายได้ และรูปแบบการโฆษณาแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างความสำเร็จที่หลากหลาย
ในคู่มือนี้ เราจะเปรียบเทียบวิธีการที่เป็นไปได้ในการสร้างรายได้จากเว็บไซต์ของคุณและมุ่งเน้นไปที่การโฆษณาแบบเนทีฟอย่างละเอียดยิ่งขึ้น เราจะนำเสนอเคล็ดลับที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและข้อมูลเชิงลึกของแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดเกี่ยวกับวิธีการเพิ่มรายได้และการมีส่วนร่วมของผู้ใช้กับโฆษณาแบบเนทีฟ เพื่อให้โครงการเว็บของคุณยังคงสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่พร้อมกับการพัฒนาใหม่ล่าสุด
พร้อมไหม เลื่อนลงเพื่อเริ่มอ่าน!
สารบัญ
คลิกที่บทใดก็ได้เพื่อเลื่อนไปที่บทนั้นโดยตรง
บท 1
กลยุทธ์การสร้างรายได้จากเว็บไซต์
เมื่อพิจารณาจากมุมมองเชิงกลยุทธ์ ผู้เผยแพร่โฆษณาดิจิทัลสามารถทำกำไรได้ทั้งจากผู้อ่าน การโฆษณา หรือการรวมกันของรายได้จากผู้อ่านและการโฆษณา ตามบทความล่าสุด https://reutersinstitute.politics.ox.ac.uk/sites/default/files/2020-01/Newman_Journalism_and_Media_Predictions_2020_Final.pdf ของสำนักพิมพ์ข่าวชั้นนำของโลก บริษัทเผยแพร่โฆษณาขนาดใหญ่ยังคงเดิมพันอย่างสูงในการสร้างรายได้จากผู้อ่านในระยะยาว โดยครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับรายได้จากผู้อ่านราวหนึ่งในสาม (35%) คิดว่ารายได้จากการโฆษณาและผู้อ่านจะมีความสำคัญไม่แพ้กันและประมาณ 14% ตั้งความหวังไว้ที่การโฆษณาเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม การใช้เพย์วอลล์หรือการสร้างรายได้ผ่านการสมัครสมาชิกอาจเป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงในการสร้างรายได้จากโครงการเว็บไซต์ขนาดเล็ก โดยเฉพาะสตาร์ทอัพ ด้วยการแข่งขันกันอย่างมากในสื่อดิจิทัล ผู้บริโภคมักมองว่าข้อจำกัดของเพย์วอลล์เป็นอุปสรรคและพร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้ตัวเลือกอื่น ๆ ที่มีอยู่ในตลาด นอกจากนี้เพย์วอลล์ยังก่อให้เกิดการสูญเสียการเข้าชม โดยการตัดผู้เข้าชมซ้ำที่ไม่ต้องการสมัครสมาชิก
เมื่อไม่มีโฆษณามาแทรกหรือทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้แย่ลง โฆษณาเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมของผู้อ่านหรือลดกระแสการเข้าชมบนไซต์ การโฆษณาต้องการการเตรียมช่องทางผู้ชมน้อยลงและการพัฒนากระบวนการสมัครสมาชิก
อีกทั้ง ยังมีปัญหา ‘subscription fatigue’ เมื่อผู้บริโภคถูกขอให้จ่ายค่าเพลง ภาพยนตร์ และเกมอย่างต่อเนื่อง ในบางตลาด สื่อมีผู้ที่ยินดีจะจ่ายเงินถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าผู้เผยแพร่โฆษณาจะยังคงพึ่งพาการโฆษณาเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้
บท 2
รูปแบบการโฆษณาทั่วไป
จนถึงขณะนี้ ด้วยการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเว็บไซต์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้และการใช้จ่ายในการสมัครสมาชิกที่จำกัด การโฆษณาจึงน่าจะยังคงเป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการสำหรับผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่ รวมถึงโครงการที่จัดตั้งขึ้นมากมาย ในการเริ่มต้นใช้รูปแบบการสร้างรายได้นี้ผู้เผยแพร่โฆษณาดิจิทัลสามารถที่จะเลือกรูปแบบโฆษณาและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพิ่มเติมได้
วิธีที่ผู้เผยแพร่โฆษณามักใช้บ่อยที่สุดได้แก่:
Google AdSense และโฆษณาแบนเนอร์อื่น ๆ
เมื่อใช้ AdSense หรือเซิร์ฟเวอร์โฆษณาแบบดิสเพลย์อื่น ๆ ผู้โฆษณาสามารถเลือกรูปแบบการเสนอราคาแบบใดแบบหนึ่งได้: CPM (ราคาต่อการแสดงผล 1,000 ครั้ง) CPC (ราคาต่อหนึ่งคลิก) และ CPE (ราคาต่อการมีส่วนร่วม) ผู้เผยแพร่โฆษณาจะได้รับรายได้ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกโฆษณา CPC ดูโฆษณา CPM หรือดำเนินการบางอย่างหลังจากเห็นโฆษณา CPE โฆษณาทั้งหมดแข่งขันกันในการดำเนินการเดียวโดยพิจารณาจากรายได้ที่คาดว่าจะได้รับสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณา โฆษณาแบนเนอร์ไม่จำเป็นที่จะต้องตรงกับการออกแบบและเนื้อหาของแพลตฟอร์มที่โฆษณาแสดง ดังนั้นการแสดงโฆษณาประเภทนี้อาจทำให้ผู้เข้าชมเสียสมาธิหรือไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้
วิดเจ็ตคำแนะนำเนื้อหาและรูปแบบเนทีฟอื่น ๆ
วิดเจ็ตคำแนะนำเนื้อหา ใช้สำหรับการกระจายเนื้อหาโดยอัตโนมัติตามขนาดและสามารถวางไว้เป็นหลักในหน้าบทความ ระหว่างย่อหน้าของเนื้อหา หรือด้านล่างของบทความได้ เช่นเดียวกับรูปแบบเนทีฟทั้งหมด ตัววิดเจ็ตได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ
รูปแบบที่คล้ายคลึงกันคือ หน่วยโฆษณาเนทีฟในฟีด รูปแบบนี้สามารถเลียนแบบการออกแบบไซต์โดยรอบและมีความสวยงาม และสามารถวางไว้ในฟีดเนื้อหาบนไซต์ของคุณได้ โดยปกติแล้วรูปแบบเนทีฟถือว่าเป็นรูปแบบที่ไม่สร้างความรำคาญให้กับผู้เข้าชมและมีประโยชน์มากกว่าในการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณค่า
หน่วยโฆษณาวิดีโอ
รูปแบบวิดีโอเป็นรูปแบบที่มีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น มีอัตรา CTR สูงจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่ผู้โฆษณา มีโฆษณาวิดีโอในสตรีม (ก่อนเริ่ม ตอนกลาง หรือตอนท้ายของเนื้อหาวิดีโอที่กำลังดู) โฆษณาวิดีโอนอกสตรีม (ระหว่างบทความ) และโฆษณาวิดีโอในแบนเนอร์ (วางไว้ในแบนเนอร์และจะเล่นอัตโนมัติโดยไม่มีเสียง ) ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงโฆษณาวิดีโอที่เล่นโดยอัตโนมัติพร้อมเสียง เนื่องจากอาจสร้างความเสียหายต่อการบริโภคเนื้อหาของผู้อ่าน
โฆษณาส่วนตัว
หากคุณมีปริมาณการเข้าชมสูงและโปรไฟล์ผู้อ่านที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง คุณสามารถที่จะติดต่อผู้ลงโฆษณาได้โดยตรงและทำการขายโฆษณาแบบส่วนตัว จะไม่มีคนกลาง แต่คุณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการเจรจาและการติดตั้งโฆษณาด้วยตัวคุณเอง
เนื้อหาที่สนับสนุน
คุณยังสามารถช่วยทำการตลาดให้ผลิตภัณฑ์ผ่านเนื้อหาบรรณาธิการ เช่น การใส่บทความเฉพาะบนเว็บไซต์เพื่อให้ผู้ชมของคุณดูและโต้ตอบได้ ในกรณีนี้ คุณจะต้องสร้างผู้ชม สื่อสารกับผู้โฆษณาโดยตรงหรือเครือข่ายพันธมิตร และเตรียมหรืออย่างน้อยก็ควบคุมเนื้อหาเชิงพาณิชย์นี้
การแจ้งเตือนแบบพุช
โฆษณาแบบพุชช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ที่เลือกรับการอัปเดตเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะส่งถึงพวกเขาในรูปแบบของการแจ้งเตือนแม้ว่าพวกเขาจะออกจากไซต์ก็ตาม แม้ว่ารูปแบบนี้จะมี CTR โดยเฉลี่ยสูงกว่า แต่ว่าโฆษณาแบบพุชยังคงเป็นรูปแบบที่รบกวนผู้ใช้อย่างมาก
ป๊อปอันเดอร์หรือป๊อปอัป
โฆษณาป๊อปจะอยู่ในหน้าต่างเบราว์เซอร์ใหม่หรือกล่องที่เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติที่ด้านบนของเนื้อหาหลัก (ป๊อปอัป) หรือในพื้นหลัง (ป๊อปอันเดอร์) รูปแบบเหล่านี้เป็นรูปแบบที่น่ารำคาญที่สุดและสามารถทำลายภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ของคุณได้
บท 3
เหตุใดผู้เผยแพร่โฆษณาจึงควรใช้การโฆษณาแบบเนทีฟ
ทุกวันนี้ ความคาดหวังของผู้บริโภคเกี่ยวกับสื่อออนไลน์มีสูงมาก พวกเขาไม่เพียง แต่มองหาเนื้อหาที่มีคุณภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้ระดับสูงเท่านั้น แต่พวกเขายังคาดหวังว่าโฆษณาจะมีความเกี่ยวข้อง ให้ความบันเทิงและให้คุณค่ากับพวกเขามากกว่าที่จะเผยแพร่แค่ข้อความโฆษณาธรรมดา ๆ
โฆษณาแบบเนทีฟ ตรงกับเนื้อหาและเค้าโครงของหน้าเว็บ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถที่จะรับรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่า โฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติพร้อมเสียง โฆษณาแบบเคลื่อนไหวที่กะพริบ และโฆษณาแบบติดขนาดใหญ่ที่เบี่ยงเบนความสนใจของผู้เข้าชมจากการบริโภคเนื้อหาที่พวกเขาต้องการ แม้แต่โฆษณาแบนเนอร์ก็มักจะดึงความสนใจของผู้ใช้ไปในทางลบทำให้ผู้เข้าชมเว็บไซต์เกิดความรำคาญและเสียสมาธิ
ข้อกังวลที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการรักษา **ความโปร่งใสและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ** โดยทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานของโฆษณา ตามข้อกำหนดของ IAB วิดเจ็ตคำแนะนำเนื้อหาทั้งหมดและรูปแบบเนทีฟอื่น ๆ จะต้องมีป้ายบอกอย่างโปร่งใส ดังนั้นจึงได้แสดงต่อผู้บริโภคในรูปแบบโฆษณาโดยที่ไม่ใช่เป็นเนื้อหาทางด้านบรรณาธิการ
บท 4
เริ่มการสร้างรายได้ด้วย MGID
หนึ่งในกลยุทธ์ที่พบบ่อยที่สุดคือการวางวิดเจ็ตคำแนะนำเนื้อหาไว้ที่ด้านล่างของเนื้อหา ซึ่งมีประสิทธิภาพมากเพราะผู้เข้าชมจะได้รับเนื้อหาใหม่ ๆ เมื่อพวกเขาอ่านบทความที่พวกต้องการจนจบ
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเนื้อหาที่ยาวผู้ใช้จำนวนมากอาจไม่สามารถเลื่อนไปที่ส่วนท้ายของแต่ละบทความได้ โดยที่คุณกก็ไม่ต้องการเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากผู้ชมกลุ่มนี้ ดังนั้นให้พิจารณาการวางวิดเจ็ตคำแนะนำเนื้อหาในบทความที่ 1-2 รายการ
แม้ว่าเดิมทีโฆษณาแบบเนทีฟจะได้รับการออกแบบมาสำหรับเดสก์ท็อป แต่เราได้ทำให้แน่ใจว่าโซลูชันของ MGID ใช้ได้กับหน้าบนอุปกรณ์เคลื่อนที่แบบเร่ง (AMP) เว็บแอปแบบก้าวหน้า (PWA) แอปพลิเคชันหน้าเดียว (SPA) และโครงสร้างพื้นฐานในรูปแบบอื่น ๆ
กล่าวคือ วิดเจ็ต AMP Smart ได้รวมรูปแบบทั้งสามไว้ในหนึ่งเดียว ได้แก่ วิดเจ็ตคำแนะนำเนทีฟ โฆษณาแบนเนอร์ และหน่วยวิดีโอ รูปแบบนี้ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ MGID ซึ่งสร้างชุดหน่วยโฆษณาเพื่อทำการเพิ่มรายได้ การมีส่วนร่วมของผู้ใช้ และการได้มาซึ่งผู้เข้าชมรายใหม่ นอกจากนี้เรายังสามารถปรับแต่งวิดเจ็ตอัจฉริยะตามความต้องการของคุณได้ เช่น เพิ่มแถวเพิ่มเติมหรือหน้าจอที่เลื่อนได้ไม่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตามคำถามที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือคุณควรเริ่มสร้างรายได้เมื่อใด ที่ MGID เราขอแนะนำให้ไปถึงกระแสการเข้าชมที่มั่นคงก่อน โดยมีผู้เข้าชมที่ไม่ซ้ำกัน 5,000 คนต่อวันและมีโพสต์อย่างน้อย 30 โพสต์ ซึ่งแต่ละโพสต์ควรมีเนื้อหาอย่างน้อย 500 คำก่อนทำการวางโฆษณาบนเว็บไซต์ โฆษณาทั้งหมดภายในเพจจะต้องไม่เกิน 30% ของเนื้อหาเพจ
เนื้อหาที่โพสต์ไม่ควรที่จะซ้ำกันและมีความสอดคล้องกับหัวเรื่อง รูปภาพ หรือวิดีโอ ไม่ควรมีข่าวปลอม เนื้อหาที่น่ารังเกียจ เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เนื้อหาที่ยั่วยุทางเพศ หรือผิดกฎหมาย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีความเสถียรสมบูรณ์ สามารถใช้งานได้ง่ายและให้ประสบการณ์ที่ดี
เมื่อโครงการของคุณบรรลุเป้าหมายการเข้าชมดังกล่าวข้างต้นและตรงตามข้อกำหนดทั้งหมดแล้ว การสมัครและเป็นผู้เผยแพร่ของ MGIDก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ทีมสนับสนุนของเราจะดำเนินการปรับแต่งที่จำเป็นและตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิดเจ็ตตรงกับการออกแบบโดยรอบ