ในปี 2024 การตลาดแบบพันธมิตรเป็นที่นิยมมากขึ้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ ด้วยการใช้จ่ายต่อปีในสหรัฐอเมริกาเพียงที่เดียวพุ่งสูงขึ้นเป็น $8.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 10.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของ Statista เห็นได้ชัดว่าอุตสาหกรรมนี้กำลังรุ่งเรือง ข้อมูลการสำรวจจาก Rakuten ก็มีการกล่าวถึงแนวโน้มนี้เพิ่มเติม โดยเผยให้เห็นว่าผู้โฆษณามากถึง 81% และ 84% ของผู้เผยแพร่โฆษณามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการทำการตลาดแบบพันธมิตร

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่รุ่งเรือง นักการตลาดแบบพันธมิตรก็ต้องเผชิญกับความท้าทายเช่นเดียวกัน ตั้งแต่การหาพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เรื่อย ๆ ไปจนถึงการต่อสู้กับอัลกอริธึมที่ได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาและการแข่งขันที่ดุเดือด การเดินทางนี้ไม่ได้ไร้ซึ่งอุปสรรค แล้วนักการตลาดแบบพันธมิตรจะสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้และได้รับชัยชนะได้อย่างไร

เรามาเจาะลึกประเด็นปัญหาสำคัญที่นักการตลาดแบบพันธมิตรต้องเผชิญและเปิดเผยกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อจัดการกับปัญหาเหล่านั้นแบบตรงหน้ากันดีกว่า

3 ปัจจัยทางการตลาดอันดับต้น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดแบบพันธมิตร

ดูเหมือนว่าตลาดแบบพันธมิตรกำลังเจอกับอุปสรรคมากขึ้น ลองใช้เวลาสักครู่เพื่อไตร่ตรองดูว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

เหตุผลสำคัญประการหนึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของตลาด ด้วยเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วกว่าที่เคย ตลาดแบบพันธมิตรจึงต้องพยายามตามให้ทันอยู่ตลอดเวลา เมื่อพวกเขาเจอกลยุทธ์แห่งชัยชนะ อัลกอริธึมก็เปลี่ยนไปแล้วหรืออาจมีคู่แข่งรายใหม่เข้ามา ซึ่งทำให้แผนของพวกเขาพัง

จากนั้นก็มีปัญหาความอิ่มตัว ที่ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังกระโดดเข้าสู่กลุ่มการตลาดแบบพัธมิตรในปัจจุบัน ทำให้ตลาดเต็มไปด้วยเนื้อหาและข้อเสนอต่าง ๆ ด้วยการที่มีเสียงรบกวนอยู่มากมาย จึงทำให้ตลาดแบบพันธมิตรต้องประสบกับความท้าทายที่มากขึ้นในการสร้างความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง

อย่าลืมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติในการปฏิบัติตามข้อกำหนด จากการที่รัฐบาลกำลังปราบปรามเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการโฆษณาออนไลน์ ตลาดแบบพันธมิตรจึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ มากมาย ทำให้การดำเนินงานทำได้ยากกว่าที่เคยเป็นมา

ในส่วนถัดไปของการเดินทางของเรา เราจะเจาะลึกเข้าไปในความท้าทายเหล่านี้ และสำรวจโซลูชันที่ใช้งานได้จริงเพื่อช่วยให้ตลาดแบบพันธมิตรสามารถฝ่าฟันอุปสรรคของการตลาดยุคใหม่ได้

1. พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและความเบื่อโฆษณา

เรามาดูปรากฏการณ์ที่ทำให้ตลาดแบบพันธมิตรต้องปวดหัวกันยกใหญ่กันดีกว่า: การโดนโฆษณาแบบแบนเนอร์บัง คุณรู้ไหมว่าผู้บริโภคถึง 86% ต้องเจอกับปัญหานี้

การโดนแบนเนอร์บังนั้นถือเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดพันธมิตร เพราะมันหมายความว่าโฆษณาที่ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันกำลังถูกละเลยหรือมองข้ามโดยกลุ่มเป้าหมาย ผู้บริโภคมักจะไม่สนใจสิ่งรบกวนพวกนี้และมุ่งเน้นไปที่เนื้อหาที่พวกเขาต้องการเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เทคนิคการตลาดแบบเดิม ๆ จึงใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป ส่วนหนึ่งของปัญหาอยู่ที่ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค ทุกวันนี้ผู้คนมีความฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม พวกเขาสามารถสังเกตเห็นการขายที่ถูกแทรกเข้ามาในเนื้อหาเสมอ และมีโอกาสน้อยที่จะถูกอิทธิพลจากกลยุทธ์สร้างความกดดันหรือคำสัญญาที่เกินจริงดึงดูด

ตลาดแบบพันธมิตรกำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก การกล่าวอ้างที่น่าเชื่อถือนั้นทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม และพวกเขาจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม และถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถเขียนข้อความที่สมบูรณ์แบบได้ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะมีคนดู ความเบื่อโฆษณาและการถูกโฆษณาแบบแบนเนอร์บังหมายความว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลื่อนผ่านหรือเพิกเฉยต่อโฆษณาไปโดยสิ้นเชิง ทำให้ตลาดแบบพันธมิตรสร้างผลกระทบได้ยากยิ่งขึ้น

แล้วต้องทำอย่างไร:

  • เพื่อเอาชนะการถูกโฆษณาแบบแบนเนอร์บัง เหล่าพันธมิตรสามารถสำรวจแนวทางที่เป็นนวัตกรรม เช่น การใช้ประโยชน์จากเนื้อหาเชิงโต้ตอบ การเล่นเกม หรือประสบการณ์ที่เหมือนจริง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้
  • การสร้างโฆษณาที่ดึงดูดสายตาและเกี่ยวข้องกับบริบทที่ผสานรวมเข้ากับประสบการณ์ของผู้ใช้ได้อย่างราบรื่นจะสามารถช่วยลดสิ่งรบกวนได้
  • นอกจากนี้ การมุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่ขับเคลื่อนด้วยมูลค่า ซึ่งช่วยจัดการกับปัญหาเฉพาะหรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมายก็สามารถส่งเสริมการมีส่วนร่วมและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงได้
  • การทดลองกับตำแหน่งโฆษณาหรือรูปแบบที่แปลกใหม่ เช่น พอดแคสต์ที่ได้รับการสนับสนุน หรือพันธมิตรด้านเนื้อหาที่มีแบรนด์ สามารถกระจายกลยุทธ์การส่งเสริมการขายและเพิ่มการมองเห็นได้

2. การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการโฆษณาแบบชำระเงินและภูมิทัศน์การแข่งขัน

ต้นทุนการโฆษณาแบบชำระเงินยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแพลตฟอร์มอย่าง Google Ads และ Facebook Ads พบว่าราคาค่าโฆษณานั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากจากสถิติ ต้นทุนต่อคลิก (CPC) โดยเฉลี่ยสำหรับ Google Ads ในทุกอุตสาหกรรม อยู่ที่ 2.69 ดอลลาร์ซึ่งเพิ่มขึ้น 26% จากปีก่อนหน้า ในทำนองเดียวกัน ต้นทุนต่อคลิกโดยเฉลี่ยของ Facebook เพิ่มขึ้น 92% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตร เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการโฆษณาที่สูงขึ้นอาจกินอัตรากำไรของพวกเขา และทำให้การได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป็นบวกทำได้ยากขึ้น

นอกเหนือจากค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้นแล้ว นักการตลาดแบบพันธมิตรยังต้องต่อสู้กับการแข่งขันที่รุนแรงในพื้นที่โฆษณาดิจิทัลอีกด้วย เมื่อธุรกิจและบุคคลจำนวนมากเข้าสู่เวทีการตลาดแบบพันธมิตร การแข่งขันเพื่อความสนใจของผู้บริโภคก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ความอิ่มตัวของตลาดนี้อาจนำไปสู่สงครามการเสนอราคาที่เพิ่มขึ้นสำหรับตำแหน่งโฆษณา และต้นทุนการเข้าซื้อที่สูงขึ้นสำหรับตลาดแบบพันธมิตร

แล้วต้องทำอย่างไร:

  • เพื่อให้ประสบความสำเร็จในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง นักการตลาดแบบพันธมิตรจะต้องสร้างความโดดเด่นออกจากฝูงชน กำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมเฉพาะกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด
  • ความหลากหลายของโฆษณานั้นเป็นสิ่งสำคัญ ใช้ความคิดสร้างสรรค์และหลีกเลี่ยงการคัดลอกโฆษณาอื่น ๆ เนื่องจากความอิ่มตัวของโฆษณาอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในระยะยาว
  • สิ่งสำคัญคือต้องจัดลำดับความสำคัญของแพลตฟอร์มและช่องทางที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและให้ ROI สูงสุด
  • นอกจากนี้ การตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดแบบพันธมิตรที่ต้องการเป็นผู้นำตลาด ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือวิเคราะห์และการติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI) นักการตลาดจะสามารถรับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแคมเปญ พฤติกรรมของผู้ชม และแนวโน้มของตลาดได้

3. คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงสู่การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การใช้การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ได้พุ่งสูงขึ้น แบรนด์ต่าง ๆ หันมาใช้ผู้มีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียและผู้สร้างเนื้อหามากขึ้นกว่าเดิมเพื่อโปรโมทสินค้าและบริการของตัวเอง รายงานฉบับหนึ่งระบุว่าอุตสาหกรรมการตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์มีมูลค่ารวม 16.5 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 199.6 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2032 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตทบต้นต่อปีที่น่าทึ่ง (CAGR) อยู่ที่ 28.6% ในช่วงปี 2023 ถึง 2032 การใช้จ่ายของการโฆษณาด้วยอินฟลูเอนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นนี้ ตอกย้ำว่าอินฟลูเอนเซอร์มีความสำคัญเพียงใดในการกำหนดรูปแบบการซื้อของผู้บริโภค

ปัจจุบัน กลยุทธ์การตลาดแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอในโลกของการตลาดแบบพันธมิตร ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความฉลาด ความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเรื่องของการหาวิธีเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นั่นหมายถึงกุญแจสำคัญคือความจริงใจและความสัมพันธ์ที่ดี เหล่าพันธมิตรจะต้องทำให้แน่ใจว่าข้อความของตัวเองตรงกับคุณค่าและความสนใจของผู้ชม

แล้วต้องทำอย่างไร:

  • เพื่อความเป็นเลิศในด้านการตลาดแบบพันธมิตรในปัจจุบัน การผสมผสานการตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์นั้นเป็นกลยุทธ์ที่ดี การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สามารถช่วยให้ตลาดแบบพันธมิตรสามารถเข้าถึงผู้ชมที่มีส่วนร่วม และใช้ความน่าเชื่อถือในการโปรโมทผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนได้
  • ระบุอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ชมสอดคล้องกับตลาดเป้าหมายและมีค่านิยมที่สะท้อนถึงแบรนด์ที่โฆษณา ความจริงใจนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
  • จัดสรรงบประมาณอย่างชาญฉลาดโดยจัดลำดับความสำคัญของอินฟลูเอนเซอร์แต่ละรายตามความเหมาะสมและช่วยดัน ROI ให้สูงที่สุด

แง่มุมอื่น ๆ เกี่ยวกับการตลาดแบบพันธมิตร

นอกเหนือจากความท้าทายที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว นักการตลาดแบบพันธมิตรยังต้องต่อสู้กับแง่มุมอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อความสำเร็จของพวกเขา ซึ่งรวมถึงค่าคอมมิชชั่นที่ผันผวน ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้อย่างไม่อาจคาดเดาได้ และปัญหาในการติดตามประสิทธิภาพ ทำให้ยากต่อการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ คุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่โฆษณาอาจแตกต่างกันไป ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของพันมิตร การใช้กฎระเบียบที่ซับซ้อนและทำให้แน่ใจว่ามีการใช้แนวทางปฏิบัติทางการตลาดที่มีจริยธรรมจะยิ่งทำให้ความท้าทายเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น การจัดการกับแง่มองอื่น ๆ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพันมิตรในการรักษากลยุทธ์การตลาดและการให้ผลกำไรที่ยั่งยืน

ค่าคอมมิชชันที่ผันผวน

ความท้าทาย: อัตราค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตรนั้นมีความผันผวนมาก โดยมีระดับตั้งแต่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมอาจเริ่มต้นด้วยค่าคอมมิชชั่น 20% แต่ต่อมาลดเหลือ 15% เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใน ความผันผวนเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางด้านรายได้และการวางแผนทางการเงินของพันธมิตร

วิธีแก้ไข: การกระจายพอร์ตโฟลิโอของพันธมิตรโดยการร่วมมือกับโปรแกรมต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมและตลาดเฉพาะกลุ่มต่าง ๆ จะช่วยลดผลกระทบของความผันผวนของค่าคอมมิชชั่น ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยง และช่วยให้สามารถรักษาแหล่งรายได้ที่มั่นคงเอาไว้ได้มากขึ้น

การติดตามและการวิเคราะห์

ความท้าทาย: การพยายามทำความเข้าใจข้อมูลทั้งหมดจากแคมเปญพันธมิตรต่าง ๆ อาจรู้สึกเหมือนกำลังพยายามเล่นรูบิกโดยที่ปิดตา หากไม่มีข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องพันธมิตรจะไม่มีข้อมูลเพื่อใช้ปรับแต่งแคมเปญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

วิธีแก้ไข: ลงทุนในซอฟต์แวร์ติดตามพันธมิตรที่แข็งแกร่งและเครื่องมือวิเคราะห์เพื่อให้สามารถติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบข้อมูลเป็นประจำเพื่อระบุแนวโน้ม ติดตามการสร้างลูกค้าและวัด ROI อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์การวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ตามรุ่นและการสร้างแบบจำลองเชิงคาดการณ์ เพื่อคาดการณ์ประสิทธิภาพในอนาคตและระบุโอกาสในการเติบโต

คุณภาพและชื่อเสียงของผลิตภัณฑ์

ความท้าทาย: ไม่มีอะไรทำลายความน่าเชื่อถือของพันธมิตรได้เร็วไปกว่าการโปรโมทผลิตภัณฑ์คุณภาพต่ำที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าถูกโกง หากผู้ติดตามไม่สามารถเชื่อถือคำแนะนำของพันธมิตรได้ พวกเขาก็จะเลิกดู และนั่นถือเป็นข่าวร้ายสำหรับผลกำไรของทุกคน

วิธีแก้ปัญหา: ตรวจสอบผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะโปรโมท เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้ชม เลือกโปรแกรมพันธมิตรที่มีชื่อเสียงซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและเงื่อนไขที่โปร่งใส

เส้นทางความท้าทายในการโฆษณาแบบเนทีฟสำหรับพันธมิตร

ตอนนี้พันธมิตรกำลังกระโดดเข้าสู่การโฆษณาแบบเนทีฟและร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ และนี่เป็นวิธีการที่ชาญฉลาด โฆษณาแบบเนทีฟสามารถผสานรวมเข้ากับเนื้อหาได้อย่างลงตัว โดยหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการรบกวนเหมือนโฆษณาแบบเดิม นอกจากนี้ แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังเสนอตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำ ซึ่งช่วยให้พันธมิตรสามารถเข้าถึงผู้ชมในอุดมคติได้

แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นไปซะทั้งหมด เรามาตรวจสอบปัญหาที่น่าหนักใจเป็นพิเศษของพันธมิตรในปัจจุบันกัน

ตำแหน่งโฆษณา

ความท้าทาย: พันธมิตรมักจะต้องเผชิญกับข้อจำกัดในตำแหน่งโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาได้รับค่าตอบแทนตามโมเดล CPA (ต้นทุนต่อการได้ลูกค้า) แบบตายตัว การขาดการควบคุมในส่วนหลังบ้านนี้จำกัดพันธมิตรจากการเพิ่มรายได้ให้ได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด

วิธีแก้ไข: เพื่อจัดการกับความท้าทายนี้ พันธมิตรสามารถสำรวจกลยุทธ์การสร้างรายได้จากทางเลือกอื่นภายในแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเนทีฟ ด้วยการกระจายแหล่งรายได้และใช้ประโยชน์จากรูปแบบโฆษณาหรือตำแหน่งโฆษณาเพิ่มเติม พันธมิตรจะสามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้สูงที่สุดได้ในขณะที่ยังคงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของแพลตฟอร์มอยู่

ต้นทุนการโฆษณาพุ่งสูงขึ้น

ความท้าทาย: ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของการโฆษณาแบบเนทีฟเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับพันธมิตร ทำให้การรักษาความสามารถในการทำกำไรทำได้ยากยิ่งขึ้น เนื่องจากต้นทุนการโฆษณาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พันธมิตรจึงต้องนำกลยุทธ์ที่คุ้มต้นทุนมาใช้เพื่อเพิ่ม ROI ของตนอย่างเหมาะสม

วิธีแก้ไข: พันธมิตรสามารถลดผลกระทบของต้นทุนโฆษณาที่เพิ่มขึ้นได้โดยการใช้แคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพพารามิเตอร์การกำหนดเป้าหมาย ด้วยการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ชมที่มีการสร้างลูกค้าสูงและปรับแต่งโฆษณา พันธมิตรจะสามารถเพิ่มความคุ้มค่าของการใช้จ่ายค่าโฆษณาให้สูงที่สุดและได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้นได้

กระบวนการอนุมัติที่นาน

ความท้าทาย: พันธมิตรมักจะต้องเผชิญกับความล่าช้าในกระบวนการอนุมัติโฆษณา ส่งผลให้เวลาเปิดตัวแคมเปญยาวนานขึ้นและมีประสิทธิภาพลดลง การเปลี่ยนจากการอนุมัติในวันเดียวกันไปเป็นการรอที่นานขึ้นอาจขัดขวางความสามารถของพันธมิตรในการทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญอย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีแก้ไข: เพื่อปรับปรุงกระบวนการอนุมัติ พันธมิตรสามารถมีส่วนร่วมในเชิงรุกกับทีมสนับสนุนของแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเนทีฟ และปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการส่งโฆษณา ด้วยการรับรองการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของแพลตฟอร์มและการให้รายละเอียดแคมเปญอย่างละเอียด พวกเขาจะสามารถเร่งกระบวนการอนุมัติและลดความล่าช้าลงให้เหลือน้อยที่สุดได้

CTR ลดลงบนแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเนทีฟ

ความท้าทาย: แม้ว่าแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเนทีฟจะมีความสามารถในการกำหนดเป้าหมายที่เป็นเอกลักษณ์ แต่พันธมิตรอาจได้รับอัตราการคลิกผ่าน (CTR) ที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับช่องทางการโฆษณาอื่น ๆ ความแตกต่างของ CTR นี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นสำหรับพันธมิตรในการปรับแต่งกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายและเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม

วิธีแก้ไข: ทดลองใช้องค์ประกอบโฆษณาต่าง ๆ เช่น หัวเรื่อง รูปภาพ ข้อความโฆษณา และคำกระตุ้นการตัดสินใจ เพื่อระบุสิ่งที่โดนใจผู้ชมมากที่สุด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าแลนดิ้งเพจมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาโฆษณาและผู้ใช้สามารถไปยังหน้านั้น ๆ ได้อย่างราบรื่น พันธมิตรควรปรับแต่งพารามิเตอร์การกำหนดเป้าหมายอย่างต่อเนื่องตามข้อมูลเชิงลึกของผู้ชมและข้อมูลประสิทธิภาพ การตั้งค่าการกำหนดเป้าหมายใหม่ของแคมเปญเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่เคยโต้ตอบกับโฆษณาหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์พันธมิตรอีกครั้งก็เป็นวิธีแก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่ง มีความเป็นไปได้อยู่มากมาย เพียงแค่ต้องลองลงมือทำ

CPC ที่สูงสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาคุณภาพสูง

ความท้าทาย: พันธมิตรมักจะต้องเผชิญกับต้นทุนต่อคลิก (CPC) ที่สูงเกินจริงเมื่อกำหนดเป้าหมายผู้เผยแพร่โฆษณาระดับพรีเมียมบนแพลตฟอร์มโฆษณาแบบเนทีฟ แม้ว่าจะพยายามลด CPC โดยกำหนดเป้าหมายไปที่ผู้เผยแพร่โฆษณาที่มีคุณภาพต่ำแล้ว แต่ภาพรวมการแข่งขันของตลาดอาจจำกัดโอกาสในการประหยัดต้นทุนไปอย่างสิ้นเชิง

วิธีแก้ไข: เพื่อลดผลกระทบของอัตรา CPC ที่สูง พันธมิตรสามารถสำรวจกลยุทธ์การเสนอราคาทางเลือกและปรับพารามิเตอร์การกำหนดเป้าหมายเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่คุ้มต้นทุนมากขึ้นได้ นอกจากนี้ การเจรจาทำข้อตกลงแบบจำนวนมากหรือส่วนลดตามปริมาณกับผู้เผยแพร่โฆษณาระดับพรีเมียมสามารถช่วยให้พันธมิตรได้รับอัตราโฆษณาที่ดีขึ้น และปรับปรุง ROI โดยรวมได้

ข้อกังวลเกี่ยวกับการฉ้อโกงโฆษณา

ความท้าทาย: พันธมิตรจะต้องระมัดระวังต่อการฉ้อโกงโฆษณา รวมถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น เครือข่าย IP ที่อยู่อาศัยปลอม และการรับส่งข้อมูลของบอท ซึ่งคุกคามประสิทธิภาพและความสมบูรณ์ของแคมเปญ

วิธีแก้ไข: เพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกงโฆษณา พันธมิตรควรใช้มาตรการตรวจจับการฉ้อโกงที่มีประสิทธิภาพและติดตามประสิทธิภาพแคมเปญอย่างใกล้ชิดเพื่อหาสิ่งที่ผิดปกติ ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการวิเคราะห์ขั้นสูงและการเป็นพันธมิตรกับเครือข่ายโฆษณาที่เชื่อถือได้ซึ่งให้ความสำคัญกับการป้องกันการฉ้อโกง ซึ่งทำให้พันธมิตรสามารถปกป้องแคมเปญของตัวเองและรักษาความไว้วางใจของผู้ชมได้

บทสรุป

แม้ว่าความท้าทายภายในการตลาดแบบพันธมิตรจะยังคงมีอยู่ แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดการเติบโตและนวัตกรรม อุปสรรคเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคที่ผ่านไม่ได้ แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เราปรับตัว พัฒนา และแสวงหากลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ให้ได้

ที่ MGID เราเข้าใจธรรมชาติแบบไดนามิกของภูมิทัศน์ดิจิทัล และยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพของลูกค้าของเราด้วยเครื่องมือและฟีเจอร์ล่าสุด เราพัฒนาและปรับปรุงข้อเสนอของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าพันธมิตรของเรานำหน้าผู้อื่น ดังนั้น หากคุณต้องการเดินทางไปสู่อนาคตด้วยความมั่นใจและคว้าโอกาสใหม่ ๆ ในการทำการตลาดแบบพันธมิตร มั่นใจได้เลยว่า MGID นั้นพร้อมให้การสนับสนุนคุณในทุกขั้นตอน เรามาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และเขย่าโลกการตลาดแบบพันธมิตรกัน คุณพร้อมไหม เราพร้อมเสมอ มาร่วมมือกัน!