ในปี 2024 ภูมิทัศน์ทางดิจิทัลเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากเบราว์เซอร์หลัก ๆ กำลังเตรียมการหยุดใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม กระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยเริ่มจาก Chrome แล้วตามด้วย Firefox และ Safari ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนในการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามมานานแล้ว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2024 Chrome ได้เริ่มจำกัดคุกกี้ของบุคคลที่สามสำหรับผู้ใช้ 1% ผ่านฟีเจอร์ป้องกันการติดตาม ซึ่งเป็นมาตรการสำหรับการทดสอบก่อนขยายไปยังผู้ใช้ทั้งหมด 100% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่ดีในการปรับปรุงความเป็นส่วนตัวของเว็บ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญเกี่ยวกับอนาคตของการโฆษณาโดยทั่วไปและการกำหนดเป้าหมาย ที่ MGID เรายอมรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ในเชิงรุกและเตรียมพร้อมที่จะสำรวจจุดสำคัญที่กำลังมีการพัฒนา มาร่วมเจาะลึกรายละเอียดว่า MGID เตรียมพร้อมรับมือกับวันสิ้นคุกกี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
ชีวิตหลังการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สาม: สิ่งนี้มีความหมายต่อผู้โฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณาอย่างไร
ยังมีสิ่งที่ทำได้หลังการเลิกใช้งานคุกกี้หรือไม่ และใครจะได้รับผลกระทบจากการเลิกใช้งานมากที่สุด ในความเป็นจริง อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้งผู้โฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณา แต่อาจมีการรับรู้ผลกระทบในแบบที่แตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับมุมมอง
ผู้โฆษณา:
- ความท้าทาย: ผู้โฆษณาพึ่งพาคุกกี้ของบุคคลที่สามอย่างมากในการโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย การกำหนดเป้าหมายใหม่ และการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ เนื่องจากกำลังจะมีการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สาม ผู้โฆษณาอาจพบว่าการแสดงโฆษณาที่ปรับตามความสนใจของผู้ใช้ตามพฤติกรรมการเรียกดูเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่มีความท้าทายมากยิ่งขึ้น
- โอกาส: ผู้โฆษณาจะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิธีในการกำหนดเป้าหมายและการวัดประสิทธิภาพอื่น เช่น ข้อมูลจากบุคคลที่หนึ่ง การกำหนดเป้าหมายตามบริบท และเทคโนโลยีใหม่ เช่น API ที่รักษาความเป็นส่วนตัว การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนำไปสู่แนวทางที่เน้นความเป็นส่วนตัวและมุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมความไว้วางใจและทำให้การมีส่วนร่วมมากขึ้น
ผู้เผยแพร่โฆษณา:
- ความท้าทาย: ผู้เผยแพร่โฆษณาจะต้องเผชิญกับความท้าทายในการสร้างรายได้จากเนื้อหาของตน เนื่องจากการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของการโฆษณาแบบเป็นโปรแกรม เนื่องจากผู้โฆษณาจะพบว่าการกำหนดเป้าหมายผู้ชมแบบเฉพาะเจาะจงโดยไม่ใช้ข้อมูลของบุคคลที่สามนั้นยากกว่า
- โอกาส: ถ้าลองมองในแง่ดี ผู้เผยแพร่โฆษณาที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชมจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลของบุคคลที่หนึ่งของตนเองสำหรับการโฆษณาได้ และพัฒนาความสัมพันธ์โดยตรงและเป็นส่วนตัวมากขึ้นกับผู้โฆษณา นอกจากนี้ ผู้เผยแพร่โฆษณายังสามารถสำรวจการโฆษณาตามบริบทซึ่งอาศัยเนื้อหาของหน้าแทนที่จะติดตามผู้ใช้ได้อีกด้วย
และตอนนี้เรามาดูแผนงานของ MGID ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของคุกกี้กันดีกว่า
ขั้นตอนที่ #1: มุ่งเน้นไปที่ข้อมูลของบุคคลที่หนึ่ง
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทหลังการเลิกใช้คุกกี้ MGID ให้ความสำคัญกับข้อมูลของบุคคลที่หนึ่งเป็นอย่างมาก ข้อมูลของบุคคลที่หนึ่งหมายถึงข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยตรงจากผู้ใช้เมื่อพวกเขาโต้ตอบกับเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม และพวกเขาเต็มใจแบ่งปัน เช่น การตั้งค่าและความชอบ
ที่ MGID ข้อมูลของบุคคลที่หนึ่งได้กลายเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการสร้างฐานผู้ชมและการกำหนดเป้าหมาย ด้วยการติดตามการโต้ตอบของผู้ใช้กับโฆษณา MGID จะควบคุมพลังของข้อมูลนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและมีความเกี่ยวข้องมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ แนวทางนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อเราสำรวจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สาม
นอกจากนี้ การผสานรวมของเรากับ LiveRamp Connect ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเชื่อมต่อข้อมูลชั้นนำ ช่วยให้เราสามารถรวมกลุ่มเป้าหมายบุคคลที่หนึ่งของผู้โฆษณาได้อย่างราบรื่น การทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้แน่ใจว่าผู้โฆษณาสามารถเชื่อมต่อกับผู้ชมที่เกี่ยวข้องจากผู้เผยแพร่โฆษณาชั้นนำทั่วโลก ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการควบคุมและตัวเลือกของผู้ใช้
ขั้นตอนที่ #2: ตัวระบุแบบรวม
ตัวระบุแบบรวมเป็นโซลูชันที่ได้มาตรฐาน คำนึงถึงความเป็นส่วนตัว และทำงานร่วมกันได้ ซึ่งช่วยลดช่องว่างที่เกิดจากการเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สาม โดยให้วิธีการจดจำและติดตามผู้ใช้บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยไม่ต้องอาศัยคุกกี้ สำหรับผู้โฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณาแล้ว ตัวระบุแบบรวมนั้นมีข้อดีหลายประการ มันทำหน้าที่ปรับปรุงความสามารถในการระบุและมีส่วนร่วมกับผู้ชมที่สามารถระบุได้ในลักษณะที่เน้นความเป็นส่วนตัว สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาตามความชอบส่วนตัวและเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องจะสามารถเข้าถึงผู้ใช้ที่เหมาะสมได้โดยไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล
ในฐานะส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์การโฆษณาที่กำลังพัฒนา MGID สนับสนุนผู้ให้บริการตัวระบุชั้นนำ เช่น LiveRamp ATS, ID5, Lotame Panorama ID และ Unified ID อย่างแข็งขัน ความร่วมมือเหล่านี้ช่วยให้พันธมิตรด้านอุปสงค์สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่สามารถระบุที่อยู่ได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยภายในระบบนิเวศของ MGID ด้วยการผสานรวมกับผู้ให้บริการตัวระบุที่เชื่อถือได้เหล่านี้ MGID จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าผู้โฆษณาและผู้เผยแพร่โฆษณาสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่ไม่มีคุกกี้ได้อย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันก็รักษาความแม่นยำและประสิทธิผลของกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายเอาไว้
ขั้นตอนที่ #3: กำหนดเป้าหมายตามบริบท
โซลูชัน Contextual Intelligence ของ MGID เป็นฟีเจอร์ที่มีชื่อเสียงซึ่งสามารถจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม โซลูชันนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาออนไลน์ โดยรับประกันว่าพวกเขาจะรักษารายได้จากการโฆษณาเอาไว้ได้ในขณะที่ยังคงให้ความสามารถในการกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้โฆษณา
วิธีการทำงานมีดังนี้ การใช้อัลกอริธึม AI ขั้นสูง Contextual Intelligence โดย MGID จะทำการตรวจสอบบทความต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา บริบท และความรู้สึกของบทความ เปรียบเสมือนกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาที่จัดหมวดหมู่เนื้อหาตามเนื้อหาที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ MGID ซึ่งล้ำหน้าไปไกลกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามาตรฐานของโซลูชันการกำหนดเป้าหมายตามบริบทในปัจจุบัน นอกจากนี้ MGID ยังก้าวนำไปอีกขั้นด้วยการช่วยให้ผู้โฆษณาสร้างคำจำกัดความตามบริบทที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของตนได้ อัลกอริธึม AI ได้รับการฝึกฝนให้เรียนรู้จากชุดบทความที่หลากหลาย เพื่อให้มั่นใจว่ามีการจัดหมวดหมู่และเข้าใจความรู้สึกได้อย่างถูกต้อง
สำหรับผู้โฆษณา นี่หมายถึงการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำเพื่อความปลอดภัยของแบรนด์และความเกี่ยวข้องตามบริบท ส่งผลให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น โดยที่ผู้เผยแพร่โฆษณายังได้รับประโยชน์จากการรักษามูลค่าของพื้นที่โฆษณาของตนไว้ ในขณะเดียวกันก็รับประกันประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ เป็นโซลูชันที่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ขั้นตอนที่ #4: รองรับ SDA
ต่อไป เรามาเจาะลึกกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดโดยผู้ขาย (SDA) กัน ซึ่งเป็นตัวพลิกเกมในภูมิทัศน์หลังการเลิกใช้งานคุกกี้ SDA คือ ความสามารถในการระบุที่อยู่เฉพาะที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างรายได้จากผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องอาศัยคุกกี้ของบุคคลที่สามเพียงอย่างเดียว
ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Contextual Intelligence ที่ได้รับรางวัลของ MGID ทำให้ SDA สามารถก้าวข้ามโซลูชันแบบเดิม ๆ โดยนำเสนอฟีเจอร์ที่มีความครอบคลุม:
- การจัดประเภทเนื้อหาอัตโนมัติ: SDA ของ MGID ได้ปฏิวัติการจัดประเภทเนื้อหา โดยใช้การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) เพื่อจัดหมวดหมู่หน้าเว็บของผู้เผยแพร่โฆษณาอย่างพิถีพิถันให้เป็นอนุกรมวิธานเนื้อหาของ IAB ด้วยหมวดหมู่ 698 หมวดหมู่ ความปลอดภัยของแบรนด์ 12 หมวดหมู่ และการวิเคราะห์ความรู้สึก จึงรับประกันได้ถึงความละเอียดและแม่นยำ
- การจัดการข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อกำหนดความเป็นส่วนตัว: SDA ดำเนินการตามหลักการที่สอดคล้องกับข้อกำหนดความเป็นส่วนตัวโดยสมบูรณ์ โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้เนื้อหามากกว่าการติดตามรายบุคคล แนวทางนี้สอดคล้องกับบรรทัดฐานด้านความเป็นส่วนตัวที่กำลังพัฒนา ส่งเสริมระบบนิเวศข้อมูลที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ
- การผสานรวมและการปรับแต่งที่ราบรื่น: ด้วยการผสานรวมกับอนุกรมวิธานของ IAB ทำให้ MGID สามารถจัดหมวดหมู่ข้อมูลผู้ชมบุคคลที่หนึ่ง การจัดหมวดหมู่นี้ไม่เพียงแต่ปรับแต่งตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายภายในแพลตฟอร์มของ MGID เท่านั้น แต่ยังนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาอีกด้วย มันสามารถผสานรวมกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการปรับปรุงเหล่านี้เข้ากับการตั้งค่าล่วงหน้าได้อย่างราบรื่นโดยใช้โมดูลเฉพาะของ MGID
- การเข้าถึงทั่วโลก: MGID ขยายขอบเขตการเข้าถึงโซลูชัน SDA ไปยังกลุ่มผู้เผยแพร่โฆษณาระดับพรีเมียมทั่วโลก การเข้าถึงนี้ช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาทั่วโลกสามารถกำหนดผู้ชมบุคคลที่หนึ่งตามการวัดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้ เช่น ความถี่และการเข้าชมหมวดหมู่เนื้อหาที่เฉพาะเจาะจงครั้งล่าสุด
- ความเข้าใจเชิงแนวคิดเพื่อความปลอดภัยของแบรนด์: SDA ของ MGID เป็นมากกว่าการนับคำหลัก โดยมุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจเชิงแนวคิดและความสัมพันธ์ระหว่างคำหลักเหล่านั้น แนวทางนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของแบรนด์ได้อย่างมากโดยการลดความผิดพลาด และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้โฆษณาเมื่อซื้อพื้นที่โฆษณา
ขั้นตอนที่ #5: Audience Hub
Audience Hub ของ MGID เป็นโซลูชันหลักที่เชื่อมช่องว่างระหว่างผู้เผยแพร่โฆษณาและผู้โฆษณาโดยอำนวยความสะดวกในการเก็บรวบรวมและการแปลงข้อมูลผู้ใช้อันมีค่า วัตถุประสงค์หลักคือการเสริมศักยภาพของผู้เผยแพร่โฆษณาในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งของที่อยู่อีเมล ซึ่งต่อมาจะถูกแปลงเป็นตัวระบุ เช่น UUID2 และ RampID การใช้กลยุทธ์นี้จะช่วยเพิ่มความสามารถของผู้โฆษณาในการระบุและกำหนดเป้าหมายผู้ชมที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ
โอบรับอนาคตด้วย MGID: การวิวัฒนาการที่ไร้คุกกี้
ในขณะที่เราบอกลาคุกกี้ของบุคคลที่สาม ทาง MGID ก็ได้เปิดรับโลกแห่งโอกาสใหม่ ๆ เข้ามา เราเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อรับมือกับโลกในยุคหลังการเลิกใช้คุกกี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ที่ MGID เราไม่เพียงแค่ปรับตัวเท่านั้น แต่เรากำลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับทุกคน
การเลิกใช้งานคุกกี้ของบุคคลที่สามนั้นเป็นการเชิญชวนให้เราทำการสำรวจโซลูชันที่สร้างสรรค์และกำหนดนิยามใหม่ของการมีส่วนร่วมของผู้ชม สำหรับผู้ที่ใช้บริการ MGID อยู่แล้ว คุณจะได้ยืนหยัดเคียงข้างผู้บุกเบิกที่มาพร้อมฟังก์ชันการทำงานล้ำสมัยที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต หากคุณยังไม่ได้สมัครใช้งาน ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว เราก้าวไปสู่อนาคตอย่างมั่นใจ พร้อมที่จะพิชิตความซับซ้อนของภูมิทัศน์การโฆษณาที่กำลังพัฒนา ใช้บริการ MGID แล้วมาไขความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในอนาคตที่ไม่มีคุกกี้ไปพร้อมกับเรา